วันพฤหัสบดีที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

บทความ: เทพเจ้าเทคโนโลยี กับ เทพเจ้าพอเพียง ใครจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน




                เทพเจ้าเทคโนโลยี กับ เทพเจ้าพอเพียง ใครจะศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน

โดย พิษณุ พรหมสร

เผยแพร่ครั้งแรก วันที่ 4 ตุลาคม 2558   

แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 /13 กรกฎาคม 2560

เทพเจ้าเทคโนโลยี
เทพเจ้าพอเพียง

         โลกในปัจจุบันได้มีการพัฒนา มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทำให้เทพเจ้าลวงโลกต่างๆ เช่น เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ทั้งหลาย ที่เคยลงมาประทับร่างทรงมนุษย์ ไม่สามารถหลอกลวง สร้างความเชื่อถือให้กับผู้งมงายได้อีกต่อไป  เพราะโลกได้มีเทพเจ้าองค์ใหม่ๆเกิดขึ้นมามากมาย เรียกว่าเทพเจ้าเทคโนโลยี่ ซึ่งอย่างน้อยก็มีอยู่ 5 เทพเจ้า คือ 1. เทพเจ้า Google 2. เทพเจ้า facebook 3. เทพเจ้า youtube 4. เทพเจ้า Line และ 5. เทพเจ้า Smart phone

    ซึ่งเทพเจ้าทั้ง 5 นี้ ถ้าใครเซ่นไหว้บวงสรวง ด้วยการจ่ายเงินค่า Internet ในบ้านเป็นรายเดือน หรือในมือถือ ก็จ่ายเป็นรายชั่วโมงบ้าง รายวันบ้าง  และถ้าจ่ายในราคาสูงได้ Package แรงๆ ก็จะยิ่งดี เพราะจะทำให้เทพเจ้า ทั้ง 5 มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขั้น 

      ใครที่นับถือเซ่นไหว้เทพเจ้าทั้ง 5 นี้ ก็จะทำให้หูตาสว่างก้าวทันโลก มีความทันสมัยในด้านข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ และสามารถรู้ทันเหตุการณ์ต่างๆของโลกได้อย่างฉับไว

      ส่วนเทพเจ้าอีกตนหนึ่งมีกำเนิดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่มาสิงสถิตอยู่ในประเทศไทย  โดยเทพเจ้าตนนี้คนไทยจะเรียกว่า"เทพเจ้าพอเพียง" หรือบางคนก็เรียกว่าเทพเจ้าตาเดียว เพราะชอบสร้างภาพ โดยหลอกลวงผู้คนให้มาเซ่นไหว้อยู่เสมอ และยังชอบทำตัวเหมือนขอทาน โดยผู้ทำทานก็มักจะใช้ข้ออ้างว่า เอามาถวายให้โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งคนไทยก็จะสามารถเห็นการขอทานนี้ได้ในข่าวสองทุ่ม

      สำหรับนักธุรกิจที่ต้องการประสพความสำเร็จทางการค้า ก็ต้องถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบ้าง ถวายเงินให้ใช้สอยตามพระราชอัธยาศัยบ้าง หรือถวายให้มูลนิธิของเทพเจ้าบ้าง ซึ่งผลตอบแทนที่เทพเจ้าพอเพียงจะพระราชทานให้ก็คือ ให้สิทธิพิเศษ เพื่อผูกขาดทางการค้า ฯลฯ

       ส่วนข้าราชการทหารที่อยากมีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต  ก็ต้องเซ่นไหว้บวงสรวงเทพเจ้าด้วยความจงรักภักดี  เช่นกัน ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับ ก็คือ ถ้าเทพเจ้าต้องการให้รัฐประหาร หรือต้องการให้ฆ่าประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย ก็ต้องทำ ซึ่งถ้าใครทำตามพระราชประสงค์ ก็จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง ให้โกงกินชาติบ้านเมืองเป็นการตอบแทน  และถ้าทำรัฐประหารสำเร็จ เทพเจ้าจะเซ็นต์รับรองการรัฐประหาร และจะพระราชทานอภัยโทษให้ในความผิดต่างๆ เช่นการเป็นกบฏ เป็นต้น

       นอกจากนั้นเทพเจ้าก็จะพระราชทานความก้าวหน้าในชีวิตการงาน สามารถสร้างความร่ำรวยให้ได้อีก ไม่ว่าจะทุจริตในการซื้ออาวุธ โกงกินเงินงบประมาณแผ่นดินในโครงการต่างๆ ก็สามารถทำได้ โดยไม่มีการตรวจสอบ แต่ถ้าใครถูกจับได้ โดยมีคดีไปถึงศาล เทพเจ้าก็จะสั่งศาลไม่ให้เอาผิด

         ส่วนมวลชนที่นับถือ เซ่นไหว้ บวงสรวงต่อเทพเจ้าตนนี้  เทพเจ้าก็จะถือว่าคนเหล่านั้นเป็นคนดี เช่นน้องโบว์ระเบิดปิงปอง  มวลชนพันธมิตร มวลชน กปปส.ฯลฯ และกลุ่มคนดีพวกนี้ ถ้าไปยึดทำเนียบรัฐบาล ไปปิดสนามบินนานาชาติ ไปยึดทำเนียบรัฐบาล ก็จะไม่มีความผิด รวมทั้งถ้าไปขัดขวางเลือกตั้ง ใช้ปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั้งตายและบาดเจ็บ เทพเจ้าก็จะปกป้องคุ้มครอง ถ้าใครพลาดถูกจับได้ โดยมีพยานรู้เห็นการกระทำ เทพเจ้าก็จะหาทางกำจัดพยานให้ หรือถ้ามีหลักฐานการกระทำความผิด เทพเจ้าก็จะพระราชทานแพะให้ไปรับโทษแทน

      ส่วนคนที่ไม่รัก ไม่นับถือ ไม่บวงสรวงเทพเจ้าพอเพียงตนนี้ เทพเจ้าก็จะถือว่าเป็นพวกคนไม่ดี เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ  คนเหล่านี้ก็จะถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติ ทำลายชาติ เป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง รวมทั้งจะหาทางลงโทษ และยัดข้อกล่าวหา ด้วยมาตรา 112 และจะหาทางยึดทรัพย์ ด้วยการใส่ความในข้อหาทำให้รัฐเสียหายด้วยนโยบายจำนำข้าว เป็นต้น


               เปรียบเทียบความศักดิ์สิทธิ์ ระหว่าง เทพเจ้าเทคโนโลยี กับ เทพเจ้าพอเพียง                    
 

เทพเจ้า Google     ใครอยากจะรู้ข้อมูลอะไรเข้าไปถาม .. ตอบได้หมด  
เทพเจ้าพอเพียง   ถ้าใครไปถามว่าใครฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 .. ตอบไม่ได้




เทพเจ้า Facebook  สามารถมีเพื่อน มีแฟนเพจอยู่ทุกมุมโลก และยังมีชุมชนออนไลน์(เพจ) ที่ทุกคนสามารถเข้ารับข้อมูลได้ตามเพจได้อย่างรวดเร็ว โดยใครที่เป็นแอตมินเพจก็สามารถแชร์ข่าวสารให้ทุกคนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

เทพเจ้าพอเพียง  หาเพื่อนได้ยาก เพราะหลุดออกจากอ่าวไทยก็ไม่มีใครนับถือ

                                               
 เทพเจ้า You Tube    สามารถทำให้คนที่เซ่นไหว้ มีหูตาที่กว้างไกล เพราะถ้ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ใดใน โลก ก็สามารถเอาคลิบมาเผยแพร่จนผู้คนรู้เห็นกันทั้งโลก เหมือนกับหูทิพย์ตาทิพย์


เทพเจ้าพอเพียง  นอกจากหูตึงแล้ว ตาข้างขวาก็บอด และใจก็ยังบอดอีกด้วย   

                                              


เทพเจ้า Line   สามารถแชร์ข้อมูลข่าวสาร แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันได้จากทุกมุมโลก และสามารถทำให้  มนุษย์ที่เซ่นไหว้ สามารถท่องเที่ยวไปได้ในโลกกว้าง

เทพเจ้าพอเพียง  นำตัวเองออกสู่โลกกว้างไม่ได้ เปรียบเหมือนสุนัขที่ถูกเลี้ยงให้อยู่แต่ในห้องแอร์ เวลาหิวก็กินแต่อาการกระป๋องอย่างดี เวลาเจ็บป่วยก็มีสัตว์แพทย์มารุมให้การรักษา เหมือนหมกตัวเองให้อยู่แต่ในกะลา และถ้าเทพเจ้าตน นี้อยากทำอะไร ส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้ทำด้วยตนเอง เพราะจะมีผู้สนองพระบรมราชโองการทำการแทนให้เสมอ ทำให้เทพเจ้า ตนนี้โง่เง่า งมงาย จึงไปขโมยลิขสิทธิ์ของคนอื่นเอามาเป็นผลงานของตัวเอง เช่นไปขโมยลิขสิทธิ์ฝนเทียมของ วินเซนต์ เชฟเฟอร์ และเออร์วิง ลองมัวร์ มาทำโครงการฝนหลวง โครงการฝนพระราชทาน โดยหวังจะสร้างภาพให้ตัวเองเป็น อัจฉริยะ แต่เมื่อเทพเจ้า Google มาปรากฏตัว มีคนเข้าไปถามจึงได้รู้ความจริงว่าเทพเจ้าพอเพียงเป็นคนลวงโลก และ เทพเจ้า Line ก็ยังช่วยกันแชร์การโกหกของเทพเจ้าพอเพียง จนขายขี้หน้ากันไปทั้งโลก แต่ถึงกระนั้นเทพเจ้าพอเพียงก็ยังหน้าด้าน นำเสนอโครงการเศรษฐกิจพอเพียงไปสร้างภาพโกหกชาวโลกอีกอย่างหน้าไม่อาย

      
 เทพเจ้า Smart phone   กลายเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจัยที่ 5 ของมวลมนุษยชาติ แม้แต่ครอบครัวที่ยากจน ก็ยังมีเทพเจ้า Smart Phone เอาไว้เซ่นไหว้

เทพเจ้าพอเพียง กลายเป็นส่วนเกินของสังคม เพราะล้างผลาญเงินภาษีของประชาชน พอมีคนเซ่นไหว้น้อยลง ก็ไม่สามารถเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจัยที่สำคัญของชาวไทยได้อีกต่อไป เพราะชาวไทยส่วนใหญ่ที่ตาสว่าง ต่างก็ปลดรูปที่เคยมีอยู่ทุกบ้าน
 

          เมื่อเปรียบเทียบให้เห็นกันดังนี้แล้ว ก็พิจารณากันเอาเองว่า ระหว่างเทพเจ้าเทคโนโลยี กับ เทพเจ้าพอเพียง ประชาชนชาวไทยควรจะเลือกเซ่นไหว้ใคร

วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

บทความ: โมฆะบุรุษจอมลวงโลก

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก
บทความโดย พิษณุ พรหมสร
เผยแพร่ครั้งแรก 6 กันยายน 2009
แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 1 / 13 กรกฎาคม 2017


พ่อทุกสถาบัน

        “จงอย่าได้ถามว่า ประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่า ท่านสามารถทำประโยชน์อะไรให้แก่ประเทศชาติได้บ้าง” นี้คือสุนทรพจน์ตอนหนึ่งของ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ กล่าวในวันเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ในสภาซีเนต เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2504 เป็นสุนทรพจน์ที่ปลุกให้คนอเมริกันมีจิตสำนึกในความรักชาติและทำเพื่อประเทศชาติ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ผู้นำสหรัฐอเมริกาหลายท่านก็ได้สร้างตำนานจนประชาชนยกย่องว่าเป็นบิดาหรือมหาบุรุษ

ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี้ กล่าวสุนทรพจน์ในสภาฯ วันที่ 20 มกราคม 2504

คำว่ามหาบุรุษ หรือผู้ที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดา ของชาติหนึ่งชาติใดนั้น เขาผู้นั้นจะต้องมีระบบคิด และทัศนะคติที่สูงส่ง ในการทำเพื่อประเทศชาติและมวลมนุษยชาติ

ตัวอย่างของมหาบุรุษ

มหาตมะ คานที 

ท่านมีชื่อเต็มว่า โมฮันดาส ครามจันทร์ คานที ท่านเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ท่านเอาชีวิตทั้งหมดเข้าแลกกับการได้เอกราชของประเทศอินเดีย จนอินเดียได้รับเอกราชในปี 2490 ท่านเป็นต้นแบบอหิงสาของนักต่อสู้ทั้งโลก มาติน ลูเธอร์คิงส์ กล่าวถึงคานทีว่า พระเยซูมอบคำสอนแก่ข้าพเจ้า คานที มอบวิธีการ ส่วนไอน์สไตน์ ได้กล่าวถึงคานทีว่า คนรุ่นอนาคตจะไม่มีทางเชื่อเลยว่ามีคนแบบนี้อยู่จริงบนโลกมนุษย์นี้ ท่านได้ทิ้งข้อคิดปรัชญาที่มีคุณค่ามหาศาลแก่มนุษยชาติ ท่านเปรียบได้ว่าเป็นบิดาของชาวอินเดีย

มหาบุรุษที่โลกยกย่อง
 มหาตมะ คานที..ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวอินเดียถึงเพียงนี้ ท่านยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ , กฎหมายอาญา , และกฎหมายแพ่งและพานิชย์ที่ว่าด้วยการเสียภาษีของอินเดีย ไม่มีมาตราหนึ่งมาตราใด ที่จะระบุในการให้สิทธิประโยชน์แก่ตระกูลคานที เลยแม้แต่มาตราเดียว

อับราฮัม ลินคอน 

ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ท่านประกาศปลดปล่อยทาส ในปี คศ.1863 ท่านเอาชีวิตเข้าขับเคลื่อนแนวคิด มนุษย์ทุกคนมีความเป็นคนเท่ากัน ท่านต่อสู้เพื่อการเลิกทาสในอเมริกาจนสำเร็จ “มนุษย์ต้องเลิกทำกับมนุษย์เหมือนสัตว์ ” ท่านได้สร้างมรดกปรัชญาทิ้งไว้ให้มนุษยชาติ เป็นหลักการประชาธิปไตยของโลกคือ “การปกครอง ของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน”

อับราฮัม ลินคอล์น ต่อสู้จนปลดปล่อยทาสในอเมริกาได้สำเร็จ
 อับราฮัม ลินคอน..ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับสหรัฐอเมริกาถึงเพียงนี้ ท่านยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ , กฎหมายอาญา , และกฎหมายแพ่งและพานิชย์ที่ว่าด้วยการเสียภาษีของอเมริกา ไม่มีมาตราหนึ่งมาตราใด ที่จะระบุในการให้สิทธิประโยชน์แก่ตระกูล ลินคอร์น เลยแม้แต่มาตราเดียว

ลีกวนยู 

ท่านนำสิงค์โปรแยกออกจากมาเลเซียทั้งน้ำตาเพราะปัญหาทางเชื้อชาติ โดยที่สิงค์โปรไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเลย ต้องอาศัยน้ำของมาเลเซียและข้าวจากไทย แต่ลีกวนยูใช้เวลาเพียง สี่สิบกว่าปี นำพาสิงค์โปรสู่ความมั่งคั่งเป็นผู้นำเศรษฐกิจในภูมิภาค ในปัจจุบันเฉพาะกองทุนเทมาเส็กแห่งเดียวมีถึงสองล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณของไทยทั้งประเทศ ถ้าสมมุติว่าในปัจจุบันผืนแผ่นดินสิงค์โปรจมหายไปในมหาสมุทร , ท่านเชื่อหรือไม่ว่าประชาชนของประเทศสิงค์โปรจะมีอสังหาริมทรัพย์และที่ดินอยู่ทั่วโลก มากกว่าที่จมหายไปในมหาสมุทร เพราะประชาชนสิงค์โปรเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และมีหุ้นอยู่ในบริษัท Land and Houses ทั่วโลก

ลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
 ลีกวนยู..ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับสิงค์โปรถึงเพียงนี้ ท่านยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ , กฎหมายอาญา , และกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ที่ว่าด้วยการเสียภาษีของสิงค์โปร ไม่มีมาตราหนึ่งมาตราใด ที่จะระบุในการให้สิทธิประโยชน์แก่ตระกูลลี เลยแม้แต่มาตราเดียว

โฮจิมินห์ 

ท่านทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปลดแอกชาติและประชาชน ท่านต่อสู้ตั้งแต่หนุ่มจนแก่เพื่อเอกราชของเวียดนาม และขับไล่จักรวัตินิยมอเมริกาผู้รุกราน ท่านต้องหนีเจียงไคเช็ค มาบวชเป็นพระที่ จ.นครพนม และกลับเวียดนามในปี พศ.2484 
       
      ท่านรวบรวมชาวเวียดนามตั้งเป็นฝ่ายเวียดมินห์ พอจักรพรรดิ์ บ๋าวได๋ สละราชสมบัติใน วันที่ 2 กันยายน 2488 ท่านได้นำชาวเวียดนามผู้รักชาติเข้าต่อสู้จนชนะมหาอำนาจฝรั่งเศส ในสมรภูมิศึกเดียนเบียนฟู เมื่อปีพศ. 2497 และท่านได้ประกาศอิสระภาพในปีเดียวกัน คำประกาศอิสระภาพของท่านที่เฉลียงตึกโรงละครในกรุงฮานอย มีใจความว่า.. “ ทุกคนถือกำเนิดเท่าเทียมกัน มีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง สิทธิเหล่านี้ได้แก่สิทธิแห่งการดำรงชีวิต มีเสรีภาพ และแสวงหาความสุข ”

      หลังจากได้เอกราชแล้วโฮจิมินห์ก็มอบประเทศคืนให้แก่ชาวเวียดนาม ให้ประชาชนชาวเวียดนามไปตัดสินกันเองว่าจะให้ประเทศปกครองในระบอบใด ท่านมิได้หวงในอำนาจและหวังผลประโยชน์ใด ๆ และที่สำคัญท่านไม่เคยทวงบุญคุณแผ่นดิน เหมือนกับกษัตริย์บางประเทศที่ชอบสร้างภาพ หลอกแม้กระทั่งตัวเองว่ามีบุญญาธิการ

       แต่แล้วสงครามเวียดนามก็ได้อุบัติขึ้นอีก ในปี พศ. 2502 โดยการรุกรานของอเมริกา ท่านก็นำชาวเวียดนามต่อสู้จนสามารถขับไล่ จักรวัตินิยมอเมริกาได้สำเร็จ ในปีพศ. 2518 แต่เสียดายท่านถึงแก่อสัญกรรมเสียก่อน ในวันที่ 2 กันยายน 2512 ที่บ้านพักในกรุงฮานอย ถึงแม้ว่าท่านไม่ทันได้เห็นชัยชนะด้วยตาตนเอง แต่วีรกรรมของท่านได้ฝังลึกอยู่ในจิตใจของชาวเวียดนามทุกคน เพราะท่านคือผู้รักชาติที่ยิ่งใหญ่ ความรักชาติและพลเมืองของโฮจิมินห์ลึกซึ้งสุดที่จะประมาณได้ ชาวเวียดนามทั้งชาติต่างให้เกียรติและยกย่องว่าท่านคือบิดาของชาติอย่างแท้จริง

โฮ จิ มินห์
 โฮจิมินห์.. ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับชาวเวียดนามถึงเพียงนี้ ท่านยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แต่ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ , กฎหมายอาญา , และกฎหมายแพ่งและพานิชย์ที่ว่าด้วยการเสียภาษีของเวียดนาม ไม่มีมาตราหนึ่งมาตราใด ที่จะระบุในการให้สิทธิประโยชน์แก่ตระกูลโฮจิมินห์ เลยแม้แต่มาตราเดียว

ความแตกต่างระหว่างมหาบุรุษที่แท้จริงกับโมฆะบุรุษจอมลวงโลก

1.  มหาบุรุษ..คือผู้ที่เสียสละตนเองมีระบบคิดที่สูงส่ง มหาบุรุษจะทำภารกิจเพื่อเพื่อมวลมนุษย์เป็นภารกิจที่ 1 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะไม่ยอมเสียสละตนเอง แต่จะสร้างฐานอำนาจและความร่ำรวยเพื่อตัวเองและครอบครัวเป็นภารกิจที่ 1
2.  มหาบุรุษ..คือผู้มีอุดมการณ์ที่ชัดเจน เพื่อการปลดปล่อยมนุษยชาติ 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..มือจะถือดาบ แต่ปากคาบคัมภีร์ 
3.  มหาบุรุษ..จะต้องเป็นนักอภิวัฒน์สังคม หรือปฏิวัติสังคม ด้วยการเอาชีวิตทั้งหมด ไปผลักดันสังคมทั้งระบบจนสำเร็จ หรือวางรากฐานไว้ให้คนรุ่นต่อไปทำต่อจนสำเร็จ 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะวางรากฐานและผลักดันสังคมไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์ต่อสายตระกูล สายโลหิตของตนเองเท่านั้น
4.   มหาบุรุษ..คือผู้ที่ขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ยกระดับสังคมให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะขับเคลื่อนสังคมให้ถอยหลัง ด้วยระบบเศรษฐกิจพอเพียง และในขณะเดียวกันเขาก็จะใช้วิธีคิดแทนประชาชน โดยทั้งตัวเขาเอง และบรรดาเครือข่าย เช่นเหล่าอำมาตย์,นักวิชาการ,นักการเมือง,สื่อมวลชน, ม๊อบจัดตั้งที่เขาเลี้ยงไว้ ให้ออกมาเสนอแนวคิดและนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนเดินตามไปในทิศทางที่ตัวเขาเองต้องการ เพราะถ้าประชาชนฉลาดก้าวหน้า และคิดเองได้เมื่อไหร่ ก็จะปกครองและหลอกใช้ได้ยาก รวมทั้งประชาชนก็จะรู้ว่าเงินภาษีอากรที่ควรจะนำมาพัฒนาประเทศชาติ มันกลับใหลไปรวมอยู่ที่ครอบครัวของจอมลวงโลก

ปรัชญาลวงโลก
 5.   มหาบุรุษ..คือผู้ที่เป็นต้นแบบของปรัชญาที่ก้าวหน้ากว่าแบบเก่า และมีวิธีการปฏิบัติการให้สังคมอื่นนำไปศึกษา 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะใช้ปรัชญาที่เป็นนามธรรมโบราณในลัทธิพราห์ม ที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมในทางวิทยาศาสตร์ มาครอบงำวิธีคิดของประชาชนให้งมงาย
6.   มหาบุรุษ..หรือบิดาของชาติหนึ่งชาติใดนั้นคือผู้ที่ได้รับความรักและเทิดทูนจากประชาชนอย่างแท้จริง ตรงไปตรงมา 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะพยายามยัดเยียด , บังคับ โหมกระหน่ำโฆษณาชวนเชื่อตนเอง ต่อสื่อสาธารณะ ให้เกินมนุษย์ธรรมดาให้เป็นเรื่องบุญญาธิการ สร้างมายาภาพ ขึ้นในสมองของประชาชน เป็นมายากลทางการเมืองสร้างภาพลวงตา หลอกลวงเพื่อการสืบสายมรดกอำนาจ แก่สายโลหิตของตน
7.   มหาบุรุษ..คือผู้สร้างคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะทวงบุญคุณแผ่นดิน ทวงบุญคุณประชาชน
8.   มหาบุรุษ..คือผู้ที่มีจิตใจที่เป็นสากล และได้รับการยกย่องจากสังคมโลก 

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..หลุดออกจากอ่าวไทยก็ไม่มีใครนับถือ โดยจะไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมโลก เพราะเขามีจิตใจที่ดูกถูกเหยียดหยามประชาชนว่าเป็นเพียงธุลีดิน อยู่ใต้เท้าพวกเขาไปชั่วลูกชั่วหลาน
9.   มหาบุรุษ..หรือแม้แต่ศาสดาต่าง ๆ ในทุกๆ ศาสนาของโลก ก็ไม่มีบทบัญญัติข้อบังคับ หรือบทลงโทษใด ๆ ต่อผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ตนเอง

โมฆะบุรุษจอมลวงโลก..จะมีกฎหมายอาญามาตรา 112 เอาไว้บังคับไม่ให้ผู้คนวิจารณ์ตนเอง โดยจะลงโทษผู้ที่บังอาจวิจารณ์อย่างรุนแรง

         ย้อนกลับมาดูประเทศไทยกับคำพูดที่ได้ยินกันมานานว่า “จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย”นั้น มันก็คือวาทะกรรมที่สกัดกั้นไม่ให้ประเทศไทยมีมหาบุรุษที่แท้จริง มีแต่โมฆะบุรุษที่เก่งในการสร้างมายาภาพใช้วาทะกรรมหลอกลวงผู้คน ในประเทศไทยจึงไม่ค่อยมีใครกล้าทำความดี เพราะเมื่อมีใครคิดที่จะทำความดี หรือได้ทำความดีไปแล้ว โดยสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ก็ต้องถูกสกัดกั้นและทำลาย โดยเคลือข่ายของโมฆะบุรุษจอมลวงโลก เช่น.ท่านปรีดี พนมยงค์ , ดร.ป๋วย อึ้งภากร , และดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นต้น
จึงอยากจะถามว่า..การที่เขาเหล่านั้นได้สร้างคุณความดี และคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ มันไปบดบังบารมีและขัดขวางการสร้างภาพของใครหรือ..?

                                            สิ่งปนเปื้อนในพุทธศาสนา พุทธโควิท บทความโดย: นายพิษณุ พรหมสร เผยแพร่: 4 กุมภาพันธ์ 2566 ถ้าบอกตั...