สถาบันกษัตริย์กับการค้ายาเสพติด
บทความโดย พิษณุ พรหมสร Anti
เผยแพร่ครั้งแรก 30 กรกฎาคม 2557
ในชื่อหัวข้อ ”เส้นทางยาเสพติดของลุงสมชาย”
แก้ไขอัพเดทเพิ่มเติมครั้งที่1....
12 กันยายน 2560 ในชื่อหัวข้อ
“สถาบันกษัตริย์กับการค้ายาเสพติด”
บทสรุป: ภูมิพลแอบสั่งพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ส่งกองกำลังติดอาวุธช่วยเจ้ายอดศึก และ เจาะลึกขุมกำลังกองทัพว้า
กองทัพว้า |
ปีพ.ศ.2538
กองกำลังไทยใหญ่ของขุนส่า ถูกกองทัพสหรัฐว้า ของ เหว่ย เซียะ กัง รุกตีอย่างหนัก
สูญเสียไพร่พลและที่มั่นทางทหารจนอ่อนแรงหมดเสถียรภาพทางการทหารแตกทัพกระจัดกระจาย
รวมทั้งขุนส่าก็หมดอิทธิพลทางการทหารในเขตรัฐฉาน ไปด้วย
จางซีฟู หรือขุนส่า |
ปีพ.ศ.2539
ปีนี้ เหว่ย เซียะ กัง รุ่งเรืองมาก
ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้ากองกำลังว้าภาคใต้
จากการสู้รบระหว่างกองทัพสหรัฐว้า และ
กองกำลังขุนส่า ทำให้แสนยานุภาพทางด้านทหารของกองกำลังไทใหญ่ ของขุนส่าอ่อนแรงลงถูกทำลายเกือบทั้งหมด
ประกอบกับการที่ทางการสหรัฐอเมริกา ประกาศให้รางวัลนำจับขุนส่าเป็น
จำนวนเงินที่สูงถึง 80 ล้านบาท
การดำรงอยู่โดยไม่มีกองกำลังที่เข้มแข็งให้การอารักขา
ขุนส่าจึงอยู่สภาวะที่อันตราย เสี่ยงต่อการถูกจับตัวส่งอเมริกา ขุนส่า จึงเรียกประชุมนายทหารไทใหญ่
เพื่อประกาศวางอาวุธ ในที่ประชุม เจ้ายอดศึก นายทหารระดับสูงของไทใหญ่ผู้หนึ่ง
และเป็นหลานของขุนส่า ถึงกับหลั่งน้่ำตาคัดค้าน
แต่ขุนส่าและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ยืนยันวางอาวุธเข้ามอบตัวอยู่ในการควบคุมของทางการพม่า
ในเมืองย่างกุ้ง
เหว่ย เซี๊ย กัง หนึ่งในผู้นำกองทัพว้า |
ต่อมาเจ้ายอดศึก ได้เป็นผู้รวบรวมทหารไทใหญ่ที่แตกกระจายให้มารวมตัวกันตั้งเป็นกองทัพใหม่ได้สำเร็จ และรอคอยโอกาสที่จะล้างแค้นทหารพม่าและทหารว้า ของเหว่ย เซี๊ย กัง...
เมื่อหมดคู่แข่งคนสำคัญ เหว่ย เซียะ กัง จึงดุจดั่งพยัคฆ์ติดปีก ขณะนั้น เหว่ย เซียะ กัง ในปี 2539 ได้เข้าควบคุมการผลิตยาเสพติด ยึดช่องทางส่งยาเสพติดในแนวชายแดนไทย – พม่าด้าน เชียงใหม่ - เชียงราย ได้ทั้งหมด
ลูกศรสีเขียว คือช่องทางการนำยาเสพติดเข้าไทย |
เหว่ย เซียะ กัง สร้างความเจริญให้กับเมืองว้าทางใต้ เป็นอย่างมาก มีชาวว้าแดงจากทางเหนืออพยพมาอาศัยในเมืองว้าทางใต้กว่าหนึ่งแสนคน
ขณะที่กองทัพสหรัฐว้า โดยการสนับสนุนของจีนแดงและพม่า เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ มีการพัฒนาที่มั่น โดยว่าจ้าง บริษัทก่อสร้างจากประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทในเครือของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อย่างเช่นบริษัทปูนซีเมนต์ไทย เข้าไปสร้างสาธารณูปโภค โรงพยาบาล ไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทางสำหรับส่งกำลังบำรุงอย่างคึกคัก
รัฐบาลจีนสนับสนุนกลุ่มว้าในฐานะรัฐกันชนเช่นเดียวกับไทย |
"เขตปกครองของว้าแดงในช่วงเวลานี้
พบว่ามีการก่อสร้างพัฒนาเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า ยกเครื่องสร้างใหม่ทั้งเมือง
โดยวิศวกร ช่างฝีมือ และแรงงาน ที่ไปรับจ้าง ตลอดจนเครื่องจักรกลต่าง
ไปจากไทยทั้งหมด มีการตัดถนนเพื่อส่งกำลังบำรุงมากมาย
ช่วงนั้นวงการธุรกิจก่อสร้างในแถบเชียงใหม่ เชียงราย คึกคักมาก
หลังจากนั้นอีกหลายปีมีข่าวว่าผู้รับเหมาก่อสร้างหลายรายที่ไม่มีเส้นสายของวังและทหารไทย ที่เข้าไปรับเหมาแย่งงานจากกลุ่มมาเฟียไทย ได้ถูกหักหลังโดนยึดเครื่องจักรทั้งหมด หลายรายหมดตัว และพักอาศัยมีลูกเมียอยู่ในเมืองว้าโดยไม่กลับมาไทยก็มี"
ปีพ.ศ.2544 ทางการพม่ามีคำสั่ง อพยพชาวว้าจากเหนือลงมาใต้บริเวณแนวชายแดนไทย-พม่าอีกประมาณ 50,000 คน
ในปีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย เป็นสมัยแรก ขณะนั้นยาบ้ากำลังระบาดในไทย อย่างรุนแรง ประชาชนหวาดหวั่นจากข่าวผู้เสพยาบ้าเกิดจิตหลอนจับตัวประกันฆ่าตายเป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องหลาย เหตุการณ์ ช่วงนี้ในแถบชายแดน บางพื้นที่มียาบ้าวางขายเหมือนขนม
พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ประกาศให้การปราบปรามขบวนการยาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วน โดยมี พล.ต.ท.เพรียวพันธ์(ยศขณะนั้น) เป็นแม่ทัพคนสำคัญ ปีนี้สถานการณ์ชายแดน ไทย - พม่า ตรึงเครียด
ทักษิณประกาศสงครามกับยาเสพติด |
9 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารพม่าและว้า บุกยึดฐานกองร้อยทหารพรานที่ 963 บ้านปางนุ่น กิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัด เชียงราย ทหารพรานน้อยกว่าจึงล่าถอย พม่ายึดเนินไว้เพื่อจะตีตลบหลัง กองกำลังรัฐฉาน
และในวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย เป็นครั้งแรก ขณะนั้นยาบ้ากำลังระบาดในไทยอย่างรุนแรง ประชาชนหวาดหวั่นจากข่าวผู้เสพยาบ้าเกิดจิตหลอนจับตัวประกันฆ่าตายเป็นข่าวครึกโครมต่อเนื่องหลายเหตุการณ์ ช่วงนี้ในแถบชายแดน บางพื้นที่มียาบ้าวางขายเหมือนขนม ในขณะที่สถานการณ์ชายแดน ไทย - พม่า กำลังตรึงเครียด
มียาบ้าขายในตลาดนัดเหมือนขายขนม |
11 กุมภาพันธ์ 2544 ทหารไทยบุกยึดสำนักสงฆ์ "กูเต็งนาโยง" คืนจากพม่า ต่อมาระหว่าง เวลา 12.00-14.00 น. ทหารพม่า 3 กรม สนับสนุนด้วยรถถัง T-69 และปืนใหญ่ ยิงปืนใหญ่และ ค. ใส่อำเภอแม่สายกระสุนตกวัดพระธาตุดอยเวา(หลังที่ว่าการฯ)วัดถ้ำผาจม วัดเวียงพาน บ้านป่าเหมือด และหลังโรงพยาบาลแม่สาย ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยรถถังและเครื่องบินขับไล่ F-5 ที่บินมาจากกองบิน 41 เชียงใหม่ยิงจรวดและภาคพื้นดินยิงปืนใหญ่อัตตาจร 155 มม. ปืนใหญ่ GHN-45 (ยิงได้ไกลถึง 45 กม.) ตอบโต้ทำให้ฝ่ายพม่าได้รับความเสียหายอย่างมาก ถึงตอนนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างยิงปืน ใหญ่ใส่กัน ไทยได้พระเอกคือ เครื่องบินขับไล่ F-5(ฐานบิน 41 เชียงใหม่ ไม่มี F-16)ยิงจรวดถล่มฐานปืนใหญ่พม่า เสียหายทั้งหมด
F - 5 E/F |
13
กุมภาพันธ์ 2544
ทหารกองทัพสหรัฐว้า กองพลที่ 171 ของ "เหว่ย เซียะ กัง"
ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาเสริมกำลังทหารพม่าตามแนวชายแดน ไทย-พม่า ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง
และ อ.แม่สาย
14 กุมภาพันธ์ 2544 ทอ.ไทยส่ง F-16 ไปเสริมกำลังที่ฐานบินเชียงใหม่
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ.
สั่งเคลื่อนกำลังพลราว 30,000 - 40,000 นาย
พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากขึ้นไปประชิดชายแดนพม่า โดยพละการ โดยที่ไม่ได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีทักษิณรับรู้
โดยใช้เวลาขนย้ายรถถัง
และยานเกราะ จำนวนมากต่อเนื่องกันกว่าหนึ่งสัปดาห์ ข่าวลือสะพัด ว่า
ทหารไทยจะบุกเมืองว้า ทำให้เกิดการปลุกปั่นให้ชาวว้ารวมพลังกันสู้ทหาร
พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ผบ.ทบ.ในขณะนั้น |
การรบครั้งนี้ทำให้ พตท.ทักษิณ มีปัญหากับ กษัตริย์ภูมิพล เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ ได้รับคำสั่งจากกษัตริย์ภูมิพล ให้เคลื่อนทหารม้าขึ้นเหนือทั้งกองพล ทั้งที่ ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจสั่งเคลื่อนกำลังระดับกองพล ต้องขออนุมัติจาก รมว.กลาโหมเสียก่อน ซึ่งตอนนั้นคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์
ทหารไทยลำเลียงรถถังมาทั้งกลางวันกลางคืนตลอดสัปดาห์ ทีวีออกข่าวว่าเป็นการซ้อมรบ ต่อมา พตท.ทักษิณด่าทหารออกสื่อว่า “โอเวอร์รีแอค” แล้วสั่งให้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ถอนกำลังกลับในทันที และต่อมาก็ปลด พล.อ.สุรยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. โดยดันให้ไปนั่งตบยุงในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ทำให้กษัตริย์ภูมิพลโกรธนายกรัฐมนตรีทักษิณมาก ที่บังอาจมาปลดหมาในคอกของตัวเอง
ภายหลังรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 ภูมิพลจึงเย้ยทักษิณด้วยการให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ทักษิณสั่งปลดมาเป็นนายกรัฐมนตรีแทนทักษิณเสียเลย และออกมาเชียร์รัฐบาลที่ตัวเองสั่งให้ยึดอำนาจจากทักษิณ ในวันที่ 4 ธันวาคม 2549 โดยพูดประมาณว่า “รัฐบาลขิงแก่ก็สามารถบริหารประเทศได้ดี เพราะมีประสพการณ์มาก ”
ให้โอวาทสนับสนุนรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ โดยตั้งฉายาว่ารัฐบาลขิงแก่ |
24 กุมภาพันธ์ 2544 พม่าเสริมกำลังทหารตามแนวชายแดน ไทย - พม่า ด้าน อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย
ในปีพ.ศ.2545 "เหว่ย เซียะ กัง" อายุได้ 50 ปี
กองพลที่ 171 ของเขาถูกกวาดล้างอย่างหนักโดย กองกำลัง SSA ของเจ้ายอดศึก และ กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายจากประเทศไทย
หมายเหตุ: คำว่ากองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่เข้าช่วยเจ้ายอดศึกในปี 2545 แท้ที่จริงแล้วก็คือทหารไทยจากกองทัพภาคที่ 3 ที่แปรสภาพมาเป็นกองกำลังติดอาวุธนอกกฎหมาย ของกษัตริย์ภูมิพลนั่นเอง ที่ต้องไปช่วยเจ้ายอดศึก ก็เพราะกษัตริย์ไทยเล่นสองหน้า ทางหนึ่งก็ให้ทหารค้ายาเสพติดกับ เหว่ย เซี๊ย กัง แต่อีกทางหนึ่งก็ไม่ต้องการให้กองทัพว้าของเหว่ย เซี๊ย กัง แข็งแก่งจนมีอำนาจในการต่อรองสูง และในทางตรงกันข้าม ถ้ากองกำลัง SSA ของเจ้ายอดศึก มีความแข็งแก่งจนมีอำนาจต่อรองสูงเมื่อไหร่ กองกำลังติดอาวุธของไทย ก็ต้องไปช่วยกองทัพว้าของเหว่ย เซี๊ย กัง รบตัดกำลังเจ้ายอดศึก เช่นเดียวกัน (นี่คือหนึ่งในยุทธวิธีของ"ยุทธศาสตร์ทำให้แตกแยก แล้วเข้าไปปกครอง"ของกษัตริย์ภูมิพล)
26 เมษายน 2545 กองร้อยทหารพรานที่ 950 ควบคุมตัวทหารไม่ทราบฝ่ายได้จำนวน 2 นาย และในวันเดียวกันกองกำลังอาสาสมัครพม่า เชื้อสายมูเซอซึ่งขึ้นการควบคุมกับ กองพล 171 ของ"เหว่ย เซียะ กัง" ได้นำกำลัง 30 - 40 นาย เข้าปิดล้อมข่มขู่ให้ปล่อยตัวแต่ไม่สำเร็จ ตกค่ำกองกำลังดังกล่าวได้มาล้อมฐานทหารพรานอีกครั้งและได้ยิง ค.ประมาณ 10 นัดเข้ามาในฐานฝ่ายไทยได้ยิงตอบโต้ และใช้ ฮ.จำนวน 2 ลำ สนับสนุนการรบ
27 เมษายน 2545 เกิดการปะทะระหว่าง กองกำลังว้าและมูเซอ ฐานออเลาะ เมืองยอน พม่า เข้าตีฐานบ้านโป่งไฮ กองกำลังผาเมือง เชียงราย เกิดการยิงตอบโต้กัน
18 พฤษภาคม 2545 ฐานของกองทัพว้าของ "เหว่ย เซียะ กัง" หลายแห่งถูก กองกำลัง SSA ของ พ.อ.เจ้ายอดศึก บุกโจมตี กองกำลัง SSA ยึดฐานของว้าและพม่าได้ถึง 27 - 28 ฐาน ในช่วงนี้มีข่าวทางหน้า นสพ.ของไทยบางฉบับว่า หน่วยรบพิเศษ ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของไทยถูกแอบส่งเข้าไปร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วย
กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ SSA ของเจ้ายอดศึก |
19 พฤษภาคม 2545 นสพ.ทั้งไทยและต่างประเทศแพร่ข่าว ไทยและพม่าตกลงจะร่วมกันกวาดล้าง กองกำลังว้าที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้สิ้นซาก
20 พฤษภาคม 2545 กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายของไทยบุกโจมตีฐานของกองกำลังว้าและพม่า 4-5 ฐาน ทหารเสียชีวิตทั้งฐาน โดยมีนายทหารระดับนายพันของพม่าเสียชีวิตด้วย
21 พฤษภาคม 2545 ทางการพม่าเปิดเผยข่าวต่อสำนักข่าวต่างประเทศกล่าวหา ไทยสนับสนุนการก่อการร้าย ติดอาวุธให้กองกำลัง SSA บุกโจมตีฐานของกองทัพสหรัฐว้า มีการใช้รถถังและปืนใหญ่ยิงข้ามแดนจาก อ.เวียงแหง และ อ. ปางมะผ้า เข้ามาในฐานทหารว้าและพม่า โดยยืนยันว่าไทยเป็นฝ่ายยิงเพราะ กองกำลัง SSA ไม่มีรถถังและปืนใหญ่ และ ปฏิเสธไม่เคยอนุญาตให้ทหารไทยบุกทำลายฐานของกองกำลังว้า ขณะที่ทหารไทยได้ปฏิเสธและกล่าวว่า ทหารและยุทธโธปกรณ์ที่เคลื่อนประชิดชายแดนพม่านั้นเป็นเพียงการซ้อมรบ
26 พฤษภาคม 2545 มีกองกำลังพม่าและว้าบุกโจมตีกองร้อยทหารพรานที่ 3206 ต.แม่นะ อ.เชียงดาว เพื่อเป็นการ ตอบโต้ไทย และมีการปะทะกันตลอดมา โดยเหตุการณ์การสู้รบทำท่าจะบานปลาย
ทำให้นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ต้องเข้าไปแก้ไขในปัญหาที่ตัวเองไม่ได้ก่อ โดยเดินทางไปอธิบายกับรัฐบาลทหารพม่าด้วยตนเอง โดยเปิดเผยความจริงกับรัฐบาลพม่าว่า “กษัตริย์ไทยคือตัวบงการทหารอยู่เบื้องหลังโดยที่รัฐบาลทักษิณไม่ได้รับรู้ด้วย” (แต่เรื่องนี้เป็นการเจรจาในขั้นความลับระหว่างประเทศ โดยรัฐบาลทักษิณไม่ได้เปิดเผยให้สื่อมวลชนรู้) และรัฐบาลทักษิณก็ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้รัฐบาลพม่า ในรูปแบบให้เอ็กซิมแบงก์อนุมัติปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับรัฐบาลพม่าในวงเงิน 4,000 ล้านบาท และมีการเจรจาให้มีการถอนทหารออกจากแนวชายแดน ทำให้ศึกทางชายแดนของทั้งสองประเทศสงบลงได้ (โดยที่กษัตริย์ภูมิพลก่อปัญหาแล้วก็ลอยนวล โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ)
ทักษิณต้องลงมาแก้ไขปัญหา ที่ภูมิพลสั่งบุกพม่าโดยพละการ |
30 กันยายน 2545 พล.อ.สุรยุทธ์ ถูกทักษิณปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. ไปเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
ในปีพ.ศ.2546 กองทัพสหรัฐว้า ถูกรัฐบาลพม่ากดดันพร้อมเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับการยกเว้นภาษีอากร และ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติด และเปิดฉากสู้รบกับไทใหญ่ที่ดอยไตแลง
ในปีนี้การปราบปรามยาเสพติดในไทย เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น 31 มกราคม 2546 พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามขั้นแตกหักกับขบวนการค้ายาเสพติด และขอเป็นแม่ทัพใหญ่ในการปราบปรามฯ นโยบายผู้ค้ายาเสพติด "ถ้าไม่ถูกจับก็ต้องตาย" ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดถูกสังหารประมาณ 2,275 ราย ขบวนการผู้ค้ายาเสพติดต่างหลบหนีออกจากเขตพื้นที่ค้ายาบ้าของตนเอง ขบวนการค้ายาเสพติดเกิดการชะงักงัน ทำให้ยาบ้าขาดแคลนตลาดอย่างหนัก ปรับราคาจากเม็ดละ 30 - 50 บาท ขึ้นไปเป็น เม็ดละ 200 - 250 บาท มีการจับกุมผู้ผลิตและผู้ค้ารายใหญ่ได้ถึง 2,858 ราย จับกุมผู้ค้ารายย่อย 20,171 ราย และยึดยาบ้าได้ถึง 39 ล้านเม็ด
เงิน 100 บาท ซื้อยาบ้าได้ไม่ถึงครึ่งเมตร |
ในปีพ.ศ.2548 เหว่ยเซียะกัง อายุ 53 ปี เริ่มก่อสร้างคฤหาสน์ด้วยงบก่อสร้าง 1,500 ล้านบาท บนเนินเขาที่มีทัศนียภาพสวยงามในเมืองปางซาง ที่ตั้ง บก.ใหญ่ของกองทัพสหรัฐว้า(UWSA) ออกแบบและควบคุมงานโดยวิศวกรชาวไทย โดยหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 6 สิงหาคม 2548 รายงานว่า ระหว่างนี้ นายเหว่ยเซียะกัง ยังพำนักอยู่ที่บ้านปางปอย ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปางซาง มี "บังรอน" หรือ นายสุรชัย เงินทองฟู นักค้ายาเสพติดของไทยหลบหนีไปอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย
ส่วนทางด้านกองทัพสหรัฐว้า ในเดือนเมษายน 2548 กองพลที่ 171 ของกองทัพสหรัฐว้า ที่มี เหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับกองพล ร่วมกับทหารพม่า เปิดฉากสู้รบกับ กองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ (SSA-Shan State Army) ของ พ.อ.เจ้ายอดศึก เพื่อตีดอยไตแลงกองบัญชาการไทใหญ่ให้แตก แต่ได้รับการต่อต้านอย่างหนัก ซึ่งผู้สื่อข่าวทั้ง เอพี รอยเตอร์ และ บีบีซี รายงานว่า จุดสู้รบอยู่บริเวณฐานป่าไม้ และ ฐานเนินกองคา มีการใช้ปืน ค.120 ค.81 และ ค.82 ยิงถล่มฐานทั้งสอง แห่งวันละกว่า 3,000 ลูก พอค่ำก็หยุดรบหุงหาอาหาร รุ่งเช้าก็รบกันใหม่ การสู้รบยืดเยื้อนับเดือน โดยมีการสัมภาษณ์ ร.อ.จายกอน หัวหน้าฐานป่าไม้ว่า "ทหารว้าขึ้นมาตายนับร้อยศพ" แต่ไทใหญ่ก็รักษาฐานไว้ได้ กองกำลังผสมพม่าและกองทัพสหรัฐว้าสูญเสียกำลังพลเป็นอันมากจนต้องล่าถอยไป
ทางด้านกองทัพสหรัฐว้า ปีนี้ ทหารจากกองทัพจีน เข้ามาสอนการใช้ปืนใหญ่ให้กับทหารว้า ที่เขาหลู่ฟาง ด้านทิศ ตะวันตกของเมืองปางซาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนสนับสนุนกองทัพสหรัฐว้าอยู่ และมีรายงานข่าวว่ากองทัพสหรัฐว้าได้ขุดกองบัญชาการใต้ดินขนาดใหญ่ไว้ใกล้กับเมืองปางซาง เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศจากเครื่องบินรบพม่า
ในปีพ.ศ.2551 ปีนี้ไทยอยู่ในภาวะวุ่นวายทางการเมือง มีการชุมนุมประท้วงตลอดทั้งปี ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดไม่ได้ผล เพราะตำรวจซึ่งมีหน้าที่ปราบยาเสพติดโดยตรง ต้องทุ่มกำลังส่วนใหญ่ไปดูแลการชุมนุมประท้วง จึงทำให้ยาเสพติด กลับมาขายจนเกลื่อนตลาดอีกครั้ง ทำให้ยาบ้าปรับราคาลงจากเม็ดละ 200 - 250 บาท ลดลงเหลือ 50 - 70 บาท บางแห่งขายครึ่งเม็ด 20 บาท
ยาบ้าเม็ดละ 20 บาท มาแล้วจ้าาาา |
รัฐบาลทหารพม่าโกรธแค้นกษัตริย์ภูมิพล ที่แอบส่งทหารมาช่วยเจ้ายอดศึกรบกับทหารพม่ามาหลายครั้ง
ในเดือน พฤศจิกายน 2551 นายทหารระดับสูงของพม่าไปเยือนเกาหลีเหนืออย่างลับๆ เพื่อทำ MOU ให้เกาหลีเหนือช่วยสร้างอุโมงค์เก็บขีปนาวุธ และโครงการทางการทหารอีกหลายโครงการ ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า พม่าได้จัดซื้อขีปนาวุธพิสัยกลาง(ยิงไกล 500 - 1,000 กม.)ซึ่งยิงจากพม่าเล็งเข้ามาที่กรุงเทพได้สบายๆ
สำนักข่าวอัลจาซีร่าแพร่ข่าว "สายเต็งวิน" นายทหารชาวพม่าเชื้อสายไทใหญ่ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศได้เปิดเผยว่า เคยทำงานในโครงการนิวเคลียร์ของพม่า โดยพม่ามีโครงการพัฒนานิวเคลียร์ในอุโมงค์ใต้ดินเมืองเนปิดอว์ ขณะที่ทางสหรัฐอเมริกาได้จับตามองเรือ "กังนาม1" ของเกาหลีเหนือซึ่งเข้าจอดเทียบท่าที่ท่าเรือย่างกุ้งถึง 2 ครั้ง แต่ทางการพม่าได้ปฏิเสธตลอดมา
รถถังที่น่าเกรงขามของพม่า |
ทางด้านกองทัพสหรัฐว้าใน
พ.ศ.2552
17 เมษายน 2552 กองทัพสหรัฐว้าของ เหว่ย เซีย กัง ได้จัดงานฉลองครบรอบ 20 ปี ที่แยกตัวจากพรรคคอมมิวนิสต์พม่า ที่เมืองปางซาง อันเป็นจุดเริ่มต้นของ "กองทัพสหรัฐว้า" โดยมีทหารว้าทำการสวนสนามหลายพันนาย
ทหารว้าสวนสนาม |
ส่วนทางด้านพม่ายังมีข่าวหลุดเกี่ยวกับการผลิตขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
มิถุนายน 2552 นสพ.ญี่ปุ่นแพร่ข่าว ตำรวจญี่ปุ่นจับกุมและยึดอุปกรณ์ตรวจจับแม่เหล็กซึ่งใช้ในการผลิตขีปนาวุธ ขณะพยายามส่งไปพม่ามาแล้ว 2 ครั้ง นอกจากนี้ นสพ.พม่ายังแพร่ข่าวพม่าซื้ออาวุธอีกหลายรายการจากหลายประเทศ รวมถึงขีปนาวุธสกั๊ดฮว่าซง จากเกาหลีเหนือด้วย
ในขณะที่กองทัพว้า ของ เหว่ย เซี๊ย กัง ได้พยายามลดแรงกดดันจากนานาชาติ โดยการสร้างภาพหลอกลวงชาวโลกว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป
โดยทหารกองทัพสหรัฐว้าและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจค้นบ้านเรือนจับกุมยาเสพติด มีการติดป้ายประกาศเข้มงวดเรื่องยาเสพติดทั่วเมืองปางซาง (เรื่องนี้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า ในเขตปกครองกองทัพสหรัฐว้า ห้ามเสพยาเสพติดโดยเด็ดขาด) ในเมืองลา ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่จีนจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้กว่า 300 ราย และ ในเมืองปางซางมีการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูกว่า 30 คัน อีกทั้ง มีการเผาทำลายยาเสพติดโดยมีผู้นำระดับสูงของกองทัพสหรัฐว้าเข้าร่วม
กองทัพว้าเผายาเสพติดสร้างภาพ |
ขณะเดียวกัน องค์กรสตรีปะหล่อง
ก็ได้แถลงว่า ในรัฐฉานพื้นที่ปกครองของกองทัพสหรัฐว้า กลับมีการปลูกฝิ่นมากขึ้น
จากการสำรวจใน อ.น้ำคา และ อ.ม่านตังพบว่า ปี พ.ศ.2548 มีการปลูกฝิ่น 964 เฮกเตอร์
แต่ปี พ.ศ.2552 เพิ่มขึ้นเป็น 4,549 เฮกเตอร์
จากแรงกดดันจากทางการพม่า ปีนี้กองทัพสหรัฐว้าได้ปรับปรุงกองทัพโดย สั่งซื้ออาวุธต่อสู้อากาศยาน และอาวุธประจำกาย ประจำการหลายรายการ เช่น
จรวดต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่า
แบบ Streal
- 2
จรวดต่อต้านอากาศยานแบบ
HN
- 5N
อาวุธประจำกาย
AK
47 รุ่นใหม่จากประเทศจีน
ปืนต่อสู้อากาศยาน
ขนาด 12.7 ม.ม. และ 14.5 ม.ม.
ปืน ค.ขนาด 60
ม.ม. 82 ม.ม. 120 ม.ม. จากประเทศจีน
พ.ศ.2554 กองพล 171 กองทัพสหรัฐว้า ซึ่งมี เหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับหน่วย ระดมพลทั้งกำลังหลัก และอาสาสมัครพลเรือน ในสังกัดทำการซ้อมรบแนวชายแดนไทย-พม่า พื้นที่เมืองสาด เมืองโต๋น โดยรวมตัวที่บ้านห้วยอ้อ ด้านตรงข้าม บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ในปีนี้กองพล 171 ของ เหว่ย เซียะ กัง มี 5 กองพลน้อย ประกอบด้วย
1)
กองพลน้อยที่ 248 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านหัวป่าง บ้านหัวยอด ด้านตรงข้าม อ.ฝาง
จ.เชียงใหม่
2)
กองพลน้อยที่ 518 รับผิดชอบพื้นที่ เมืองยอน ด้านตรงข้าม อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
3)
กองพลน้อยที่ 772 รับผิดชอบพื้นที่ เมืองเต๊าะ เมืองทา และ เมืองจ๊อด ด้านตรงข้าม
อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
4)
กองพลน้อยที่ 775 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านห้วยอ้อ บ้านบุ่งป่าแขม ด้านตรงข้าม
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
5) กองพลน้อยที่
778 รับผิดชอบพื้นที่ บ้านคายโหลง บ้านตากแดด และบ้านน้ำกั๊ด ด้านตรงข้าม
จ.แม่ฮ่องสอน
ในปี พ.ศ.2555 กองทัพสหรัฐว้า จัดได้ว่าเป็นกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่มี กองกำลังติดอาวุธที่ใหญ่ที่สุด มีกำลังพลทั้งหมด 9 กองพลน้อย อยู่ในการบังคับบัญชาของ เหว่ย เซียะ กัง 5 กองพลน้อย อีก 4 กองพลน้อย อยู่ในบังคับบัญชาของ นายเปาโหล่วเหลียง ผู้นำสูงสุดของกองทัพสหรัฐว่า โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบคือ
กองทัพสหรัฐว้า มี 9 กองพล มีกำลังพลกองพลละ 2,000 - 3,000 คน รวมทั้งหมดกำลังพลประมาณ 20,000 - 30,000 นาย
กองบังคับการใหญ่ มีนายเปาโหล่วเหลียง เป็นผู้บังคับหน่วย มีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองปางซาง รับผิดชอบรัฐฉานภาคเหนือด้านติดชายแดนประเทศจีน(ว้าตอนบน) มี 4 กองพลน้อย
1)
กองพลน้อยที่ 318
2)
กองพลน้อยที่ 418
3)
กองพลน้อยที่ 468
4) กองพลน้อยที่ 618 เป็นกองพลตั้งใหม่ เมื่อ
พ.ศ.2553
เพื่อตั้งรับพม่าซึ่งพยายามกดดันให้กองทัพสหรัฐว้าเปลี่ยนสถานะเป็น"กองกำลังพิทักษ์ชายแดน"ต้องอยู่ในบังคับบัญชาเข้ารับการฝึกและรับเงินเดือนจากทหารพม่า
และการเคลื่อนไหวของกองทัพพม่าฝั่งตะวันออกของแม่น้ำสาละวินในรัฐฉานภาคเหนือ
รับผิดชอบพื้นที่ เมืองมังแสง เมืองหนองเข็ด มีนายเปาสามราย เป็นผู้บัญชาการกองพล
กองพลที่ 171 มีนายเหว่ย เซียะ กัง เป็นผู้บังคับหน่วย มีกองบัญชาการอยู่ที่เมืองยอนรับผิดชอบรัฐฉานใต้ ด้านติดชายแดนไทย - พม่า ตรงข้าม เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน มี 5 กองพลน้อย
1)
กองพลน้อยที่ 248 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ .ฝาง จ.เชียงใหม่
2)
กองพลน้อยที่ 518 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม
อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
3)
กองพลน้อยที่ 772 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่
4) กองพลน้อยที่
775 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
5)
กองพลน้อยที่ 778 รับผิดชอบพื้นที่ ด้านตรงข้าม จ.แม่ฮ่องสอน
นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐว้า ยังมีกองกำลังอาสาสมัครอยู่ตามเมืองต่างๆ คือ
1)
กองพลน้อยที่ 916 ในพื้นที่เมืองใหม่ แบ่งออกเป็น 5 กองพัน
มีกำลังพลอาสาสมัครกองพันละ 200 - 250 นาย
รวมกำลังพลราว 1,000 - 1,250 นาย
2)
กองพลน้อยที่ 917 ในพื้นที่เวียงเก่า
3)
กองพลน้อยที่ 918 ในพื้นที่เมืองป๊อก
งบประมาณของกองทัพได้จากการค้ายาเสพติด และการเก็บภาษี แร่ ป่าไม้ และ พืชผลการเกษตร สรุปพอคร่าวๆ แล้ว กองทัพสหรัฐว้ามีกำลังพลราว 30,000 นาย พร้อม ปืนประจำกาย ปืน ค. จรวด ประทับบ่า ขีปนาวุธแบบพื้นสู่อากาศ และ ปืนใหญ่ ทางด้านการข่าวยังไม่ปรากฏว่ามี ยานเกราะ รถถัง หรือ เครื่องบิน เข้าประจำการ
ปัจจุบันในปี 2560 เหว่ย เซียะ กัง ในวัย 65 ปี ยังเป็นผู้บังคับหน่วยกองทัพสหรัฐว้า กองพลที่ 171 เมืองยอน รัฐฉานใต้
มีกำลังพลในบังคับบัญชาราว 10,000 นาย มีพื้นที่ครอบครองตามแนวชายไทย ตั้งแต่ท่าขี้เหล็ก
ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปจนถึงบ้านหัวเมือง ตรงข้ามอ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน โดยเหว่ย เซี๊ย กัง มีเงินมหาศาลราวสองล้านล้านบาท....!!!!!
บทสรุป: ขอบคุณลูกค้า
สถาบันกษัตริย์และทหารไทย ขอเป็นตัวแทนขบวนการค้ายาเสพติด ขอขอบคุณลูกค้านักเสพยา ทั้งชาวไทย และชาวโลก ที่ให้ความกรุณาเป็นลูกค้าที่ดีมาโดยตลอด
โดยพวกเราจะมุ่งมั่นปรับปรุงคุณภาพของยาเสพติดชนิดต่างๆ ให้มีคุณภาพดีมากขึ้นกว่าเดิม ตัวอย่างเช่น.-เราได้ปรับปรุงยาบ้าธรรมดาให้กลายเป็นยาบ้าฟรุ้งฟริ้ง ที่ใครเสพเข้าไปแล้ว จะทำให้มีความสุขสดชื่นมากขึ้นกว่าเดิม ฯลฯ
ยาบ้า "ฟรุ้งฟริ้ง" |
นอกจากนี้ สถาบันกษัตริย์ไทย ยังต้องขอบคุณขุนส่า และเจ้ายอดศึก รวมทั้ง เหว่ย เซี๊ย กัง ที่เป็นพันธมิตรค้ายาเสพติดกันมาอย่างเหนียวแน่นยาวนาน ... ด้วยความจริงใจจากสถาบันกษัตริย์ไทย
..........................................
พิษณุ พรหมสร Anti
12 กันยายน 2560